การลงทุนในระบบอัตโนมัติและ AI Agent ในวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของการประหยัดเวลา แต่เป็นการวางรากฐานให้กับอนาคตขององค์กรที่ AI กับหุ่นยนต์จะทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เปลี่ยนวิธีการทำงานขององค์กรแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
Agentic AI + Robotics = The Next Workforce Revolution
เมื่อ Key Success Factor ของธุรกิจในปัจจุบันคือ Technology ที่จะเข้ามาทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่น (agility) ภายนองค์กรในทุกๆหน่วยงาน เพื่อให้ปรับตัวเท่าทันความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา สร้างประสบการณ์ที่เฉพาะบุคคล (personalized) ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อดำรงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมหรือรักษา competitive advantgaes ให้มีอยู่ต่อไปได้
Automation และ AI เริ่มมีบทบาทเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในปี 2025 ในงาน Operation หรืองานหลังบ้าน สิ่งเหล่านี้จากที่เคยเป็นเหมือนตัวช่วยกำลังกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นขององค์กรหากต้องการที่จะรักษาความสามารถในการแข่งขัน ทำให้องค์กรสร้างประสิทธิภาพงานที่สูงได้อยู่ตลอดเวลาแม้ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง Agentic AI สามารถเพิ่ม ประสิทธิภาพ (Efficiency) และ เพิ่มผลผลิต (Productivity) ได้อย่างก้าวกระโดด การลงทุนใน AI และ Automation ไม่ได้หมายถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้แทนที่มนุษย์ แต่เป็นการเสริมศักยภาพให้การทำงานมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น ให้มนุษย์มีเวลาโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น เปิดโอกาสให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ ผลักดันให้เกิดสินค้าหรือบริการที่ไม่เคยมีมาก่อน และช่วยให้องค์กรก้าวข้ามขีดจำกัดแบบเดิม ๆ สร้างโอกาสใหม่ ๆ ได้อีกมากมาย
Robotics กับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมปัจจุบัน
จากที่เคยถูกใช้ในภาคการผลิต หุ่นยนต์กำลังก้าวเข้าสู่ ภาคการแพทย์, โรงแรม, ค้าปลีก และบริการต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, ยกระดับคุณภาพการให้บริการ และลดต้นทุนในการบวนการทำงาน
- การผลิต (Manufacturing): Robotics ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการผลิต
- โลจิสติกส์ (Logistics): Robotics ช่วยในการจัดการสินค้าและการขนส่ง
- การบริการ (Service): Robotics ช่วยในการให้บริการลูกค้าและงานบริการอื่นๆ
ตัวอย่างการใช้งาน Agentic AI ในภาคธุรกิจ:
- Generative AI: เข้าใจและตอบสนองต่อข้อความจากลูกค้าแบบเรียลไทม์ ด้วยคำตอบแบบเฉพาะบุคคล (Personalized) ด้วย Natural Language Processing (NLP)
- AII-powered Analytics: วิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากเพื่อหาข้อมูลเชิงลึก และช่วยองค์กรตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
- AI-powered Customer Service: ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า แนะนำสินค้า และตอบคำถามได้อย่างแม่นยำ
อนาคตของ Agentic AI + Robotics กับองค์กร
- องค์กรต้อง พัฒนาทักษะพนักงาน ให้สามารถทำงานร่วมกับ AI และหุ่นยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วิเคราะห์กระบวนการทำงานเพื่อหาโอกาสในการ นำระบบอัตโนมัติมาใช้
- ออกแบบโครงสร้างองค์กรที่ส่งเสริมทั้งศักยภาพของมนุษย์และประสิทธิภาพของ AI ไปพร้อมกัน
มนุษย์ + AI = ทีมเวิร์กที่ทรงพลังที่สุด
เป้าหมายของเราไม่ใช่สร้าง AI มาแทนคน
แต่คือ สร้างทีมที่เก่งขึ้น โดยให้ AI รับงานซ้ำ ๆ ไป
แล้วปล่อยให้คนใช้ความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจ และความเข้าใจมนุษย์อย่างที่ AI ทำไม่ได้
ในปัจจุบัน ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระดับโลกอย่าง SAP และ Salesforce ได้ผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับโซลูชันหลักของตนอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรในทุกมิติ ฝั่ง SAP ได้เปิดตัว Joule ซึ่งเป็น Embedded AI ที่เข้าใจบริบทของข้อมูลทางธุรกิจแบบ end-to-end ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซักถาม วิเคราะห์ และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วผ่านภาษาธรรมชาติ ขณะที่ Salesforce ก็เดินหน้าเปิดตัว Agentforce ซึ่งรวมพลังของ AI, Data และระบบ Automation เข้าด้วยกัน สร้าง AI Agents ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ในกระบวนการขาย การบริการลูกค้า และการตลาด — เช่น สรุปรายงาน ตอบคำถามลูกค้า หรือจัดการ workflow ได้แบบอัตโนมัติ
ทั้ง SAP และ Salesforce กำลังขับเคลื่อนองค์กรสู่ยุค “AI-first” อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่การจัดการข้อมูล แต่คือการยกระดับการตัดสินใจ เพิ่มความแม่นยำในการบริการ และสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะบุคคลที่เหนือกว่าเดิมในทุกมิติ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI และ Robotics:
https://www.salesforce.com/blog/the-convergence-of-digital-and-physical-ai/